วิธีดูปียางรถยนต์เองก่อนเอาไปตรวจที่ศูนย์
ความสำคัญของการตรวจปีของยางรถยนต์
การรู้ปีที่ผลิตยางรถยนต์ช่วยให้เราสามารถประเมินสภาพการใช้งานและระยะเวลาที่ควรเปลี่ยนได้ เพราะยางมีอายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 3-5 ปี ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงตามลักษณะการใช้งานและสภาพแวดล้อม ยางที่ใช้มานานจะมีความแข็งกรอบและยึดเกาะถนนได้น้อยลง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ถนนเปียกหรือทางโค้ง จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนยางใหม่เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
วิธีการดูปีของยางรถยนต์
การวิธีดูปียางรถยนต์สามารถทำได้เองง่าย ๆ โดยมองหาตัวเลขบนแก้มยาง (Sidewall) ที่ระบุตัวเลขสัปดาห์และปีที่ผลิต วิธีการดูมีดังนี้:
มองหาหมายเลข DOT บนแก้มยาง
บนแก้มยางรถยนต์จะมีหมายเลข DOT (Department of Transportation) ซึ่งเป็นรหัสที่ระบุถึงข้อมูลการผลิตยาง โดยจะประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลขหลายหลัก
หมายเลข DOT นี้จะอยู่ใกล้กับขอบของแก้มยาง มองหาแถวของตัวเลขที่มีความยาวทั้งหมดประมาณ 10-12 ตัวอักษร
ระบุปีและสัปดาห์ผลิต
ข้อมูลเกี่ยวกับปีและสัปดาห์ผลิตจะอยู่ใน 4 ตัวเลขสุดท้ายของหมายเลข DOT
ตัวเลข 2 หลักแรกในรหัส 4 หลักสุดท้ายบอกถึง “สัปดาห์” ที่ผลิต (00-52) เช่น "12" หมายถึงสัปดาห์ที่ 12 ของปีนั้น
ตัวเลข 2 หลักหลังในรหัสบอกถึง “ปี” ที่ผลิต เช่น "22" หมายถึงปี 2022
ตัวอย่างการอ่าน DOT: หากเห็นรหัส DOT เป็น "DOT XXXXXXX 1219" แสดงว่าเป็นยางที่ผลิตในสัปดาห์ที่ 12 ของปี 2019
ตรวจสอบสภาพของยางโดยรวม
นอกจากการดูอายุการผลิตแล้ว ควรตรวจสอบสภาพของยาง เช่น ลายดอกยาง ความลึกของดอกยาง รอยร้าว หรือการบวมของยาง เนื่องจากยางที่มีอายุการใช้งานนานเกินไปหรือมีรอยชำรุดจะมีประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนต่ำลงและอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
ปัจจัยที่มีผลต่ออายุการใช้งานของยาง
การดูปีที่ผลิตของยางเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานของยางรถยนต์ ได้แก่:
สภาพอากาศและภูมิอากาศ: ยางที่ใช้งานในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนหรือเย็นจัดจะเสื่อมสภาพเร็วกว่า เช่น ในประเทศไทยที่มีอากาศร้อน อาจทำให้ยางแข็งตัวและเสื่อมสภาพเร็วกว่าในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น
ลักษณะการขับขี่: การขับขี่อย่างรวดเร็ว การเบรกแรง และการเลี้ยวที่หักมุมบ่อย ๆ จะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ดังนั้นหากคุณขับขี่ในลักษณะดังกล่าว ควรหมั่นตรวจสอบสภาพยางเป็นพิเศษ
ระยะการขับขี่: ยางที่มีระยะการขับขี่สูงมักจะเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เพราะเกิดการเสียดสีและแรงกดดันที่มากขึ้น ดังนั้นหากคุณใช้รถขับในระยะทางไกลบ่อยครั้ง ควรเปลี่ยนยางให้เร็วกว่าปกติ
การดูแลรักษายาง: การเติมลมยางให้ถูกต้องตามเกณฑ์ และการหมุนยางสม่ำเสมอทุกๆ 10,000 กิโลเมตร สามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของยางได้
ข้อควรระวังในการใช้งานยางเก่าหรือยางเสื่อมสภาพ
การยึดเกาะถนนต่ำลง: ยางที่มีอายุการใช้งานนานเกินไปหรือมีรอยร้าวจะทำให้การยึดเกาะถนนลดลง โดยเฉพาะบนถนนเปียก จึงเพิ่มโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุ
เพิ่มโอกาสการระเบิดของยาง: ยางที่เสื่อมสภาพหรือมีอายุการใช้งานนานมีความเสี่ยงสูงในการระเบิดของยางขณะขับขี่ โดยเฉพาะเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง
ลดประสิทธิภาพในการเบรก: ยางที่หมดสภาพจะส่งผลต่อระยะการเบรกของรถ ทำให้ต้องใช้ระยะเบรกที่ยาวขึ้น ซึ่งอาจเกิดอันตรายในการขับขี่ได้
|